คนไทยกับแนวโน้มที่สูงขึ้นในการบอกเลิกผ่านเทคโนโลยี
นอกจากการติดต่อธุระ หรือสอบถามความเป็นอยู่ทั่วไปแล้ว ปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีส่วนมากขึ้น แม้ในเรื่องการบอกเลิกความสัมพันธ์กับคนที่เราคบ
จากผลการสำรวจของ MeetNLunch บริษัทจัดหาคู่มืออาชีพ ให้บริการด้านคำปรึกษาและแนะนำหนุ่มสาวให้รู้จักกันในรูปแบบส่วนตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ได้สำรวจความคิดเห็นของคนโสดกว่า 800 คนในกรุงเทพฯแบ่งเป็น
เพศหญิงร้อยละ 70 (อายุระหว่าง 25-50 ปี)
เพศชายร้อยละ 30 (อายุระหว่าง30-55 ปี) พบว่า
ประมาณร้อยละ 50 ของทั้งหญิงและชายเลือกที่จะใช้ "โทรศัพท์" เป็นช่องทางในการบอกเลิก
รองลงมาคือ "บอกเมื่อพบหน้ากัน" อยู่ที่ประมาณร้อยละ 15 และ "บอกผ่านsms" อยู่ที่ประมาณร้อยละ 13 โดยจำนวนน้อยที่สุดประมาณ ร้อยละ 5 ตอบว่าจะบอกผ่าน "Email" และส่วนที่เหลือบอกว่า "ไม่แน่ใจ"
อันที่จริงแล้ว ช่องทางที่เหมาะสมสำหรับการบอกเลิกกับคนที่คบนั้นขึ้นอยู่กับหลายสิ่งตามสถานการณ์ เช่นระยะเวลาการคบกัน ความใกล้ชิดผูกพัน นิสัยใจคอ บุคลิกของคนที่เราต้องการบอกเลิก เช่น
ถ้าระยะเวลาในการคบยาวนานมาก หรือผูกพันมาก อาจต้องใช้เวลาและความตั้งใจในการบอกเลิกมากด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ช่องทางที่เชื่อว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดคือ "การบอกเมื่อพบหน้า" เพราะสิ่งนี้แสดงถึงความรับผิดชอบ และแสดงถึงการให้ความสำคัญกับความรู้สึกของอีกฝ่ายมากกว่าวิธีอื่น
แต่วิธีนี้ คนส่วนใหญ่กลับไม่เลือกทำเป็นอันดับแรกเพราะเป็นวิธีที่มีความเป็นไปได้สูงที่จะยืดเยื้อยาวนาน และสะเทือนอารมณ์ ความรู้สึกมากที่สุด ซึ่งอาจส่งผลให้ล้มเลิกความตั้งใจในการบอกเลิกไปได้
จากข้อมูลผู้ตอบแบบสอบถามของ MeetNLunch พบว่า การบอกเลิกโดยโทรศัพท์เป็นทางเลือกที่เป็นที่นิยมมากที่สุด
ทั้งนี้อาจเป็นเพราะโทรศัพท์เป็นวิธีที่สามารถสื่อสารกันได้อย่างใกล้ชิด แต่ในขณะเดียวกันก็ยังห่างพอที่จะซ่อนความรู้สึก หรือการแสดงออกทางสีหน้าที่ไม่ต้องการให้อีกฝ่ายเห็นได้ ในขณะเดียวกันก็ไม่ต้องเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย และสามารถขอปลีกตัวออกจากบทสนทนาได้ง่ายกว่าการพบหน้ากัน ส่วนการบอกเลิกผ่าน sms หรือ Email สามารถทำได้อย่างเหมาะสมในบางกรณี เช่นกับคนที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน เป็นต้น
เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจที่ตีพิมพ์ลงใน Reuters ซึ่งจัดทำโดยบริษัทจัดหาคู่ชื่อดังแห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักร มีผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 2000 คน พบว่า
ร้อยละ 38 เลือกที่จะ “บอกเลิกต่อหน้า”
ร้อยละ 34 “บอกเลิกผ่าน Email”
มีเพียงร้อยละ 8 ที่เลือกใช้ “โทรศัพท์” และที่น่าแปลกใจมากคือ
มีจำนวนถึง ร้อยละ 13 ที่บอกเลิกผ่านทาง “สื่อสังคมออนไลน์อย่าง Facebook”
นอกจากนั้นยังมีร้อยละ 6 ตอบว่าบอกเลิกผ่านทาง “Twitter” และร้อยละ 2 บอกว่าพวกเขาเลือก “sms” เป็นช่องทางในการบอกเลิก (Reuters, Feb 23rd 2010)
MeetNLunch | Reuters | ||
Phone | 50% | Face to face | 38% |
Face to face | 15% | 34% | |
Text message | 13% | Facebook status | 13% |
5% | Phone | 8% | |
Uncertain | 17% | 6% | |
Text message | 2% |
การบอกเลิกผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์อย่าง Facebook และ Twitter นั้นรวมกันได้ถึงร้อยละ 19 ซึ่งหมายความว่า ทุกๆ 1 ใน 5 คนเลือกที่จะบอกเลิกผ่านช่องทางนี้
จากตรงนี้ ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมากกับการบอกเลิกด้วยวิธีที่ไม่เหมาะสม (ในกรณีที่เป็นความสัมพันธ์ที่จริงจัง และทั้งสองฝ่ายเคยใช้เวลาร่วมกัน ใกล้ชิดกันมาก่อน)
ไม่เพียงแต่แสดงถึงการไม่ใส่ใจความรู้สึกของอีกฝ่าย แต่ยังเป็นการนำเรื่องส่วนตัวไปเผยแพร่ให้คนนอกรับรู้โดยทั่วกันอีกด้วย ความสะดวกง่ายดายของเทคโนโลยีทำให้ผู้คนเคยชิน และขาดการใส่ใจความรู้สึกของคนรอบข้าง ที่น่าสังเกตุและน่าเป็นห่วงคือ ตัวเลขนี้มีแนวโน้มจะสูงขึ้น ไม่เพียงแต่ในต่างประเทศ แต่รวมถึงคนกรุงเทพฯก็มีแนวโน้มที่จะเลือกช่องทางที่ง่ายกว่าในการบอกเลิกความสัมพันธ์มากขึ้นเช่นกัน
ถึงแม้ว่าจากผลการสำรวจของบริษัท MeetNLunch ณ ปัจจุบัน จะยังไม่พบว่า มีผู้ตอบแบบสอบถามที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการบอกเลิกความสัมพันธ์แต่อย่างใด ซึ่งอาจเป็นเพราะว่า Facebook ยังไม่แพร่หลายมากเท่าในอังกฤษนั่นเอง เทคโนโลยีในปัจจุบันสร้างความสะดวกสบายให้มนุษย์อย่างไร้ขีดจำกัด ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือสื่อสังคมออนไลน์ ที่เพิ่มความรวดเร็วและง่ายดาย ในการส่งผ่านคำพูดแทนความรู้สึกได้โดยใช้เพียงปลายนิ้วสัมผัส อย่างไรก็ตาม
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีปัจจุบันได้ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต ซึ่งหนึ่งในผลกระทบเหล่านั้นก็คือ ด้านความสัมพันธ์ของผู้คน ถึงแม้ในบางครั้ง เทคโนโลยีสามารถช่วยให้ผู้คนเข้าถึงกันง่ายขึ้นด้วยความสะดวกในการติดต่อสื่อสาร แต่เราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ในขณะเดียวกัน เทคโนโลยีก็ทำให้ผู้คนห่างเหินกันมากขึ้นเช่นกัน ตัวอย่างที่เห็นได้ทั่วไปเช่น ในครอบครัว, กลุ่มเพื่อน หรือคู่รัก ที่ถึงแม้จะใช้เวลาอยู่ร่วมกัน แต่ต่างฝ่ายต่างสนใจแต่การส่งข้อความ หรือเล่นเกมส์ออนไลน์ผ่านโทรศัพท์มือถือ ทำให้ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างและความใกล้ชิดกันลดลงไป หรือแม้แต่การถามสารทุกข์สุขดิบ หรือติดต่อธุรกิจ
ซึ่งในอดีตจะใช้วิธีเยี่ยมเยียนพบหน้า ใช้การส่งเสียงผ่านโทรศัพท์ หรือเขียนจดหมายด้วยลายมือ แต่ในปัจจุบัน จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ และการส่งข้อความทางโทรศัพท์มือถือ และสื่อสังคมออนไลน์ ต่างเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทำให้ความใกล้ชิดระหว่างผู้คนยิ่งลดน้อยลงไป เป็นตัวอย่างของการใช้เทคโนโลยีแบบคนรุ่นใหม่ ที่ตอบได้ยากว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ และทำให้วิถีชีวิตของผู้คนดีขึ้นจริงหรือเปล่า
บทความแนะนำน่ารู้สำหรับคุณ
นอกจากความสวย ผู้ชายชอบผู้หญิงจากตรงไหน?
วิธีสร้างเสน่ห์ให้เพศตรงข้ามประทับใจ
ควรสารภาพรักกับผู้ชายไหม และถ้าจะทำต้องทำอย่างไร?
คนที่ดีพอ…หรือคนที่พอดี…