ทำอย่างไรให้เราเป็นคนที่ใช่ ของกันและกันตลอดไป?
หลังจากที่คุณได้เดท และประทับใจเค้า การศึกษาและใช้เวลาร่วมกันทำให้รู้สึกว่าใช่ หรือแม้แต่คนที่เป็นแฟนกันมานาน แต่งงานกันแล้วก็ตาม การรักษาความใช่ของทั้งเค้าและเราเอาไว้ก็เป็นเรื่องจำเป็น ไม่ใช่ว่าการเป็นคนที่ใช่ของกันและกันแล้วจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้ อาจเพราะวันเวลาที่เราอยู่กันนานมากขึ้นทำให้เราได้รู้จักกันมากขึ้น ดังนั้นการรักษาความใช่เอาไว้ก็เหมือนเป็นการรักษาความรักของเราให้ยั่งยืนไปได้ด้วยดีเช่นกัน
1. ให้เวลากับตัวเอง ความรักคือการให้ แต่อย่างไรก็ตาม การให้มากเกินไปกลับไม่ส่งผลดี หากคุณมีแต่ให้อีกฝ่ายจนไม่เหลือเวลาให้ตัวเอง แบ่งตารางเวลาในแต่ละวันให้มีช่วงเวลาที่เป็นของตัวเองบ้าง เวลาที่คุณสามารถทำอะไรตามใจชอบ ให้ตัวเองมีความสุขได้ อย่างเช่น ออกไปพบปะกับเพื่อน ๆ พักผ่อนเอกเขนก ออกกำลังกาย บางคนอาจคิดว่าเวลาเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ไม่สำคัญ แต่การแบ่งเวลาให้ได้ปรนเปรอตัวเอง ด้วยความสุขตามใจอยากบ้าง ก็จะทำให้คุณมีความสุข ๆ พร้อม ๆ กับแฮปปี้กับความรักด้วย
2. กำหนดเป้าหมายแล้วค่อย ๆ ก้าวไปให้ถึง สำรวจความเป็นไปในชีวิตคู่ของคุณ ว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใดบ้าง หรือมีสิ่งใดที่อยากแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม ลองกำหนดเป้าหมายแห่งการเปลี่ยนแปลงที่คุณต้องการ แล้วจึงวางแผนว่าต้องทำอย่างไร จึงจะก้าวไปสู่เป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ได้ นอกจากจะวางแผนหาหนทางแล้ว อย่าลืมระบุปัญหาที่ขัดขวางไม่ให้คุณไปสู่จุดหมายได้โดยง่ายด้วย ย่อยมันลงเป็นหัวข้อเล็ก ๆ แล้วค่อย ๆ พิชิตไปทีละประเด็นในที่สุดคุณจะเอาชนะปัญหาและก้าวไปสู่จุดหมายที่หวังไว้ได้ โดยที่ไม่ทันรู้ตัวเลยล่ะ
3. วางแผนการเงินด้วยกัน ไม่มีใครอยากให้ชีวิตคู่ต้องแตกกันเพราะเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ แม้จะเป็นของนอกกาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นเรื่องที่อ่อนไหวมากเช่นกัน คุณควรหารือตกลงเรื่องรายรับรายจ่ายของครอบครัว โดยมีส่วนร่วมกันทั้งสองฝ่าย เงินส่วนไหนควรเป็นเงินออมสำหรับทั้งคู่ ส่วนไหนคือค่าใช้จ่ายสำหรับเรื่องทั่วไป เก็บเงินเพื่อเหตุการณ์ฉุกเฉินสักเท่าไหร่ ฯลฯ อย่างไรก็ดี ควรมีเงินส่วนหนึ่งที่เป็นของคุณเอง และสามารถใช้สอยได้ตามใจ โดยไม่ต้องรอความเห็นชอบหรือการตกลงใจจากอีกฝ่าย เพราะบางครั้งเราก็มีของที่อยากได้ หรือมีเรื่องที่อยากทำโดยใช้เงินส่วนตัวเช่นกัน การแบ่งเงินออกเป็นสัดส่วนชัดเจน และรับรู้ร่วมกันทั้งสองฝ่าย จะช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาการเงินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้
4. ไม่พูดจาเซ้าซี้ บางครั้งการพูดจาถึงเรื่องใด ซ้ำ ๆ บ่อย ๆ ก็ทำให้เรื่องนั้น กลายเป็นเรื่องเซ้าซี้ซ้ำซากที่น่าเบื่อและไม่น่าสนใจ แม้ว่าในความจริงมันอาจเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลก็ได้ เพราะฉะนั้น หากคุณอาจจะอ้อนขออะไรสักอย่าง โปรดจำไว้ว่าอย่าพูดเซ้าซี้เกิน 3 ครั้ง การพูดอย่างหนักแน่น แต่น้อยครั้ง จะทำให้คำพูดนั้นมีน้ำหนักและน่าฟัง ต่างกับคำเซ้าซี้ที่ใคร ๆ ก็เบือนหน้าหนี ทั้งนี้ จงพูดด้วยความจริงใจพร้อมรอยยิ้ม ไม่ใส่อารมณ์แง่งอน พูดจาน่ารัก มีเหตุผลน่าฟังแบบนี้ ใจคนฟังก็โอนอ่อนตามไปเกินครึ่งแล้วล่ะ
5. เลิกต่อปากต่อคำชวนทะเลาะ เวลาขัดใจกันขึ้นมาเมื่อไร ผู้ที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเสียเปรียบ มักจะเถียงอย่างไม่ลดละ ต่อปากต่อคำอย่างไม่ยอมแพ้ บางครั้งก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่ากำลังอ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ไม่น่ารักขึ้นมาพูด กลายเป็นสงครามน้ำลาย ที่พาชีวิตคู่ดิ่งลงเหวไปเหวหลายคู่ ก่อนจะเอ่ยปากปะทะคารม ให้สงบจิตใจลงเสีย แล้วเดินหนีบรรยากาศคุกรุ่นนั้นไปก่อน รอจนกว่าอารมณ์เย็นลงแล้วทั้งสองฝ่ายจึงค่อย ๆ พูดจากันดี ๆ ดีกว่า
6. เซ็กส์ดี ๆ คืนหวานให้ชีวิตรัก ใช่แล้ว การความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนรักนี่แหละ ที่ช่วยเติมความหวานให้กับชีวิตรักได้ แม้หลาย ๆ คนจะบอกว่าความรักคือเรื่องของความรู้สึก แต่เรื่องความสัมพันธ์ลึกซึ้งทางกาย ก็เป็นส่วนเติมเต็มให้ความรักเต็มตื้นจนอิ่มล้นได้เช่นกัน การจูบ โอบกอด และสัมผัสแนบชิดระหว่างกาย เป็นการสื่อสารเชิงบวกของร่างกายที่ช่วยเติมเต็มความรู้สึกรักใคร่ ความเข้าใจ และให้ความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยได้
7. ชมคนรักของคุณบ้าง อาจจะฟังดูน่าขัดเขินไปบ้าง แต่วิธีนี้เป็นการเติมหวานให้ความรักได้โดยไม่เลี่ยนนัก ลองนึกย้อนกลับไปคิดดูว่ามีอะไรบ้างที่เขาทำให้คุณดีใจ หัวเราะ หรืออมยิ้มได้ทุกครั้งที่นึกถึง ไม่ว่าสิ่งที่เขาทำจะเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ ทำเซอร์ไพรส์ให้คุณประหลาดใจเล่น หรือว่าเป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ อย่างซื้อขนมมาฝากก็ตาม จากนี้ไปอย่าลืมกล่าวคำขอบคุณ หรือชมว่า “น่ารักจัง”, “คุณช่างรู้ใจฉันจริง ๆ” คำพูดเหล่านี้แสดงให้เขาได้รับรู้ว่า เขาเป็นคนสำคัญสำหรับคุณจริง ๆ
8. อย่ามั่นใจในความรักจนเกินเหตุ การมั่นใจในความรักจนเกิดเหตุ กลายเป็นที่มาของรักล่มมานักต่อนักแล้ว เพราะยิ่งคนเรามั่นใจว่าความรักที่มีจะไม่จืดจางและอยู่ยืนยง ยิ่งทำให้เราลืมที่จะบำรุงรักษาเอาใจใส่ความรัก เช่นเดียวกับเมื่อไปสำรวจคู่แต่งงานใหม่ เมื่อถูกถามถึงความคิดเห็นต่อโอกาสอย่าร้าง ของผู้คนที่อาจเกิดขึ้นแม้แต่งงานกันไปแล้ว คำตอบที่ได้คือ คู่รักข้าวใหม่ปลามันคิดว่าแม้คนที่แต่งงานแล้ว ก็มีโอกาสหย่าร้างกันได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่เหตุรักร้าวเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับตัว ทุกคู่รักต่างกล่าวว่าเรื่องแบบนี้ ไม่มีทางเกิดขึ้นกับคู่ของตัวเองเด็ดขาด ผลการสำรวจเช่นนี้ชี้ให้เห็นว่า คนที่ยังมั่นใจว่า ณ ปัจจุบันยังรักกันดีอยู่ จะไม่คำนึงหรือระแวดระวังถึงวันข้างหน้า ที่ปัญหาในความรักอาจเกิดขึ้น ซึ่งอาจทำให้คนกลุ่มนี้ละเลยที่จะเอาใจใส่กันและกันได้ในที่สุด ไม่ได้จะให้ระแวงนะแต่คิดเผื่ออนาคตไว้ รู้จักสังเกตุรอบๆตัวบ้าง
9. ลืมความบาดหมางที่เคยเกิด เหตุการณ์ชวนทะเลาะหลาย ๆ อย่าง เริ่มต้นจากบทสนทนาขุดคุ้ยเรื่องอดีตประเภทว่า “จำได้ไหมว่าเมื่อตอนนั้นน่ะคุณเคย…” แล้วก็ตามด้วยเรื่องราวความทรงจำที่ไม่น่าจดจำที่พรั่งพรูออกมา จะมีประโยชน์อันใดที่จะเอาเรื่องไม่ดีเก่า ๆ กลับขึ้นมาพูดอีก หากคุณยังคงขุ่นเคืองกับเรื่องราวเหล่านี้ ลองเขียนเรื่องราวไม่น่าจดจำต่าง ๆ ลงในกระดาษ จากนั้นให้เวลาตัวเองจะเพียงชั่วโมงหรือวันทั้งวัน ในการเกลียดชังโกรธขึ้งเรื่องราวทั้งหลายเหล่านั้น เมื่อพอใจแล้ว ขยำหรือฉีกมันทิ้งซะ และให้เรื่องราวทั้งหลายและความคับข้องใจจบลงแค่เพียงในกระดาษ อย่าให้มันมารบกวนใจคุณอีก
สนใจบริการจัดหาคู่ ติดต่อสอบถามได้ที่ ไลน์บริษัทจัดหาคู่ MeetNLunch Line id: @meetnlunch (ใส่ @ ข้างหน้าด้วยนะคะ)
บทความน่ารู้อื่นๆ
มุมมองความรักของผู้ชายและผู้หญิง ที่ต่างกันสุดขั้ว!
เส้นกั้นบางๆ ระหว่าง ความรัก(แท้) กับ ความหลง(รักเทียม)
คุณสมบัติของคนที่คุณควรเลือกมาเป็นคู่ชีวิต
ทำอย่างไรให้เขาเปิดใจให้คุณ